รับสร้างแบรนด์สกินแคร์ ยินดีให้คำปรึกษาฟรีทุกขั้นตอน

เราคือโรงงานที่รับผลิตครีม เครื่องสำอาง สกินแคร์ ราคาถูก รับสร้างแบรนด์สำหรับลูกค้าที่สนใจเราให้คำปรึกษาฟรี โรงงานสะอาด ปลอดภัย มีมาตรฐานการผลิต ไม่ใส่สารอันตรายต้องห้าม มี อย.โรงงาน ลูกค้าไม่ต้องขอ อย. ใหม่ ทางเรามีให้เรียบร้อย สะดวกสบาย
  • Cosmetics
  • Skincare
  • Perfume
รายการทั้งหมด

ทีมงาน และบรรยากาศ

PROJECT MANEGER

คุณเกสร เธอแม่นทุกตารางงาน ไม่พลาดการส่งมอบงาน ตรวจงานละเอียด เนียบที่สุด

SALES COORDINATOR

คุณไกรลาส นักขายมือหนึ่ง ที่ตามใจลูกค้า ได้ทุกอย่าง ลดราคาได้ ลดเลย

GRAPHICS DESIGN

คุณนิศรา นักออกแบบกราฟฟิกที่ออกแบบตรงตามใจลูกค้า

GRAPHICS DESIGN

คุณปราณีต นักออกแบบโลโก้แบรนด์สินค้า ออกแบบตามหลักฮวงจุ้ย

MARKETING SUPPORT

คุณอดิสร นักการตลาด ให้คำปรึกษา วางแผนการตลาดให้แบรนด์ติดตลาด

VDO
Praesentation

สนใจติดต่อทีมงานมืออาชีพ เราพร้อมให้คำปรึกษา วางแผนงาน บริการอย่างเต็มที่ ดูแลแบรนด์ตลอดอายุสัญญา ด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รักษาความลับของลูกค้าเป็นอย่างดี โปรดมั่นใจ และไว้ใจเรา ให้บริษัทของเราดูแลคุณนะคะ

รีวิวลูกค้าจริง K-SKINCARE

ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่รีวิวให้ ทางเราจะพัฒนาการให้บริการดียิ่งขึ้นค่ะ

คุณจ๊อบ / ใช้บริการผลิตแบรนด์สินค้า

" ครีมดีมากๆเลยครับ ราคาถูกกว่าที่อื่น รับไปติดแบรนด์เอง สร้างรายได้ดีมากครับ "

26 พ.ย. 2558

คุณส้ม / ใช้บริการออกแบบแบรนด์สินค้า

" เครื่องจักรทันสมัย ผลิตได้รวดเร็ว มีความปลอดภัย "

10 ม.ค. 2563

คุณจุ้ย / ใช้บริการปรึกษาการสร้างแบรนด์สินค้า

" สร้างแบรนด์ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ต้องมาที่นี่ ให้คำปรึกษาทุกอย่าง รวมไปถึงการวางแผนการตลาดให้ด้วยค่ะ "

26 พ.ย. 2558

K-SKINCARE

เว็บไซต์จัดทำขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างการให้บริการในธุรกิจสกินแคร์ เครื่องสำอาง ไม่มีการดำเนินการจริงแต่อย่างใด ข้อความ และรูปภาพต่างๆ นำมาจากใน internet และได้อ้างอิงถึงเนื้อหาไว้เรียบร้อยแล้ว และขอบคุณสำหรับรูปภาพ และเนื้อหาบทความต่างๆ

สร้างแบรนด์ครีมของตัวเอง อย่างไรไม่เจ๊ง

ตอนนี้หันซ้าย แลขวา ใคร ๆ เขาก็มาทำแบรนด์ครีม เป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางกันทั้งนั้น หน้าเด้งหน้าใสเต็มหน้าฟีด หน้า Time line ไปหมดเลย (แต่ขายได้หรือเปล่าไม่รู้นะ ?)
 
พี่ฝนอยู่ในตลาดนี้มาร่วม ๆ 10 ปี ทำมาตั้งแต่ขายสินค้าด้วยเงินทุนเพียงหลักพันเป็นตัวแทนเขา จนสามารถปั้นแบรนด์เป็นของตัวเอง สินค้าทำมาก็บอกตามตรงว่าขายไม่ได้ดั่งที่ตั้งเป้าหมายเท่าไหร่นัก เจ็บตัวบ้าง กำไรบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติในการทำธุรกิจ
 
ยิ่งตอนนี้นะคะ ใคร ๆ ก็เป็นเจ้าของแบรนด์ครีมได้ ต้องบอกว่าง่าย และง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะคะ เป็นเจ้าของหนะง่ายนะคะ แต่ให้ขายได้ ขายดิบขายดี ต้องบอกว่า หิน เลยจ้า
วันนี้เลยอยากจะขอมาร่วมแบ่งปันกับคนที่ต้องการเป็น “เถ้าแก่ใหม่” หรือ “เถ้าแก่เนี๊ยะ” ในสายความงาม ว่าหากจะเข้าตลาดนี้ต้องเตรียมตัวอะไรกันบ้าง มาดูกันเลยดีกว่า

1.ศึกษาตลาด ลองเป็นตัวแทนคนอื่นก่อนดีไหม
ถ้ายังไม่เคยใช้ก็อย่าเพิ่งขาย ถ้ายังไม่เคยลองขาย ก็อย่างเพิ่งคิดสร้างแบรนด์ แนะนำว่าจริง ๆ แล้วเราควรที่จะเรียนรู้พฤติกรรมหรือรูปแบบตลาดของธุรกิจนี้ให้คุ้นชินสักระยะนะ อาจจะลองเริ่มจากการลองใช้สินค้าสักแบรนด์ และขอเป็นตัวแทนสินค้าในกลุ่มที่ไม่ได้เป็นกระแสอะไรมากมาย ไม่เป็นที่รู้จักมากนักดูก่อน อาจจะใช้เวลาสักครึ่งปีหรือหนึ่งปี หากเราเป็นตัวแทนแล้วสามารถช่วยดันครีมตัวนี้เป็นที่รู้จักขึ้นได้ มันก็เหมือนกับว่าเราได้ลองทำการตลาดด้วยต้นทุนที่เราไม่ต้องลงทุนมากจนเกินไปไงคะ ทำได้เราก็มีฐานลูกค้าระดับหนึ่ง ถึงตอนนั้นค่อยคิดกันอีกทีว่าควรจะทำแบรนด์ครีมของตัวเองดีหรือเปล่านะ หากทำก็อย่างน้อยเรามีฐานลูกค้าไง

2.รู้หรือยังว่าลูกค้าเราเป็นใคร
คำถามนี้ง่ายมาก ถามเด็กอนุบาลก็ตอบได้คะ จะทำแบรนด์ครีมลูกค้าก็ต้องเป็นผู้หญิงสิ !!! ใช่คะคำถามนี้ง่ายแต่ถ้าตอบแบบเด็กอนุบาลง่าย ๆ ก็มีโอกาสเสี่ยงสูงที่เริ่มต้นด้วยคำว่า “เจ๊ง” เป็นแน่แท้คะ ไม่ง่ายนะคะ !!! กับคำว่าลูกค้าเป็นใครเนี้ย คิดน้อยไปก็ไม่ดีนะคะ ต้องบอกว่าคำว่าแค่ “ผู้หญิง” มันไม่พอคะ ต้องทำให้เห็นชัดกว่านั้น ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร อายุเท่าไหร่ การศึกษาเป็นอย่างไร รายได้เท่าไหร่ ทำมาหากินอะไร บ้านช่องห้องหออยู่ที่ไหน ภาระการเงินเป็นอย่างไร เธอชอบการแต่งตัวแบบไหน หรือเป็นแฟนคลับศิลปินคนไหน เธอใช้เวลาว่างทำอะไร ไปไหน ไปกับใคร แล้วเวลาที่เธอจะซื้อครีมนี่เธอมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะเลย ฯลฯ เยอะไหมหละ ยากไหมหละ นั่นแหละ มันถึงไม่ค่อยมีใครทำกันอย่างจริงจังไง ก็ทำกันเพียงแค่ว่า ลูกค้าฉันมีปัญหาสิว มีปัญหาฝ้า ต้องการหน้าใส บลาๆ เป็นการเข้าข้างตัวเองเสียส่วนใหญ่ว่ารู้จักลูกค้าจริงๆ พอสินค้าออกมาขายกลับกลายเป็นว่าสิ่งที่เราคิดว่า “ลูกค้าเราเป็นใคร” นั้นมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดไว้ไงคะ และมันก็ขายไม่ได้ จบกันไปตามระเบียบนะคะ
 
3.รู้แล้วใช่ไหมว่าสินค้าเรามีความแปลกและแตกต่างอย่างไร
ลูกค้าไม่ชัวร์ ขอมาดูสินค้าก่อนดีกว่า เดี๋ยวได้ครีมออกมาลูกค้าก็วิ่งมาหาเองแหละ !! คิดอย่างนี้จริงๆ หรือคะ แบรนด์ครีม ตัวเนื้อครีมมันเหมือนกับหุ่นนะคะ ส่วนแพคเก็จ กล่องมันก็เหมือนเสื้อผ้าที่นำมาใส่คู่กะหุ่น เสื้อผ้าเปลี่ยนแต่หุ่นตัวเดิมนะคะ
ความแตกต่างในตลาดมีน้อยมาก ส่วนผสม เนื้อครีม สีครีม รวมทั้งคุณสมบัติต่างๆ ยิ่งแล้วใหญ่นะคะก็เหมือน ๆ กันหมด มันเป็นความยากอีกขั้นหากจะสร้างความแตกต่างทางด้านสินค้า เพราะแค่แพ็คเก็จ กล่องมันคงไม่พอ หากเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับตรงนี้ การที่จะเอาชนะตลาดก็ยิ่งจาก จะทำให้คนหันมามองก็ยิ่งยากเข้าไปกันใหญ่นะคะ อาจจะต้องลองเริ่มจากหางานวิจัยอะไรใหม่ๆ หรือนวัตกรรมการผลิตที่สามารถดึงสารสกัดเข้าสู่ผิวได้เร็ว ได้ไว ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะสร้างความต่าง ส่วนผสม สารสกัดจากต่างประเทศที่ยังไม่เคยมีใครทำ ก็เป็นอีกอย่างที่ควรเสาะแสวงหา อย่าเพิ่งเชื่อใจ ไว้ใจโรงงานเพียงโรงงานเดียวที่จะทำแบรนด์ครีมให้เรา อาจจะใช้เวลา 2-3 เดือนในการศึกษาเพื่อให้ได้สินค้าที่มีความแตกต่างนะคะ
 
4.เตรียมแล้วใช่ไหม เตรียมเงินทำการตลาดแล้วใช่ไหม
เรื่องนี้สำคัญมาก สำคัญที่สุด สำคัญจริงๆ คะ เพราะส่วนใหญ่แล้วมือใหม่ทำแบรนด์ครีมที่ไม่สามารถไปต่อได้ก็เพราะว่าเมื่อได้ตัวผลิตภัณฑ์มาแล้วก็ “หมดเงิน” หนูมีทุนน้อย ทำได้แค่ตัวสินค้า แต่มีปัญหาไม่มีงบที่จะทำการตลาดเพื่อให้คนรู้จัก ได้เห็น ได้ลองใช้ ให้เขาได้มีโอกาสติดใจ และซื้อใช้สินค้าเรา 90 กว่าเปอร์เซ็นต์เป็นอย่างนี้จริงๆ คะ มีเงินซื้อมอเตอร์ไซต์ แต่ไม่มีเงินเติมน้ำมันรถ ครั้นจะเข็นไปก็เข็นไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องจอดมอเตอร์ไซส์ทิ้งไว้ แล้วก็บอกว่าไอ้รถคันนี้มันไม่ดีใช้งานไม่ได้ ไม่น่าซื้อมาเลย ต้องเตรียมนะคะ เรียกง่ายว่าเตรียมเงินหมุนไว้ก็ได้คะ ถามว่าเท่าไหร่ดี ตอบยากนะแล้วแต่ขนาดธุรกิจ และเป้าหมายที่เราจะไปด้วย หากเราลงทุนตัวสินค้าสัก 5 หมื่น ก็ควรจะมีเงินเรื่องการตลาดสักแสนถึงแสนห้าคะ ถึงจะพอมีหวังนะ แต่จะขายได้มากน้อยนี่ยังตอบไม่ได้เพราะทุกวันนี้มันแข่งกันหนักมาก ใครมีความรู้มีเทคนิคการทำการตลาดที่ดีกว่าก็มีโอกาสไปถึงเส้นชัย ส่วนคนที่ทุนน้อยด้วย ทำการตลาดไม่เป็นอีก ต้องบอกว่าเตรียมโบกมือลาได้เลยคะ ไม่รอดแน่นอน

5.ใจทำหรือยัง ว่าถ้าธุรกิจพังขึ้นมาไม่คิดฆ่าตัวตาย
มีเงินสักสองแสน ทำแบรนด์ครีมพอทำได้ทั้งเรื่องสินค้าและการตลาดนะคะ แต่ก็ยังต้องถามต่ออีกว่าหากเงินสองแสนนี้มันละลายหายไปกับสินค้าที่มากองอยู่เต็มบ้านเราจะรับมันได้ไหม เป็นเงินก้อนสุดท้ายในชีวิตหรือเปล่า เป็นเงินที่ไปกู้ไปยืมเขามาหรือเปล่า เป็นเงินที่ร่วมหุ้นร่วมทุนกันหรือเปล่า ขายไม่ได้แล้วจะทะเลาะเบาะแว้งกันไหม หรือ เงินนี้ปลิวไปแล้วถึงขั้นต้องคิดฆ่าตัวตายหรือเปล่า ถ้าบอกว่า รับได้สบายมาก พร้อมที่จะลุยเต็มที่ แม้ทำเต็มที่แล้วยังไม่ได้ เงินส่วนนี้ที่ลงทุนไปก็ไม่ได้เสียดาย ถือว่าเป็นประสบการณ์ ไม่ตายก็หาใหม่ได้ อย่างนี้สนับสนุนให้เดินต่อคะ หากบอกว่า ไม่ได้คะ เงินก้อนนี้หายไปต้องแย่แน่ๆ ก็คงต้องบอกว่า “วางมือ” ให้ “เปลี่ยนความคิด” ที่จะทำธุรกิจแบรนด์ครีมไว้ก่อนได้เลยคะ อย่าเอาเงินนั้นมาเสี่ยงกับธุรกิจนี้เลย เก็บเงินไปลงทุนอย่างอื่นดีกว่านะคะ แต่ตอนนี้เขาลำบาก เขาสู้ เราไม่เห็นไง เราพร้อมที่จะสู้อย่างนั้นไหมหละ บางคนทำมาเป็น 10 ปี 20 ปี กว่าจะมีวันนี้วันที่เรามองเห็นเขาสบาย แต่เรากลับตุ๊ต๊ะไปว่า “มันง่าย” เราเองก็ทำได้ อย่าชะล่าใจไปนะคะ คนคิดแบบนี้ “เจ๊ง” มาเยอะหละคะ
 
ขอให้คนที่สนใจธุรกิจนี้ ศึกษาข้อมูล ข้อเท็จจริงให้ดีก่อนที่จะลงทุนนะคะ หากสนใจจริงๆ ก็ลองทักมาพูดมาคุยกันก่อนได้คะ ยินดีที่จะพูดคุยตอบข้อซักถามจ้า
 
อ้างอิงเนื้อหา และรูปภาพจาก
https://taokaemai.com/
2 ก.พ. 2567

5 วิธีแก้ลงรองพื้นไม่ติดผิว!

สาวๆ คนไหนแต่งหน้าแล้วรู้สึกว่ารองพื้นไม่ค่อยติดผิว แต่งเสร็จแป๊บเดียว โอ๊ยรองพื้นลอยอยู่ในอวกาศมากแม่! เหมือนผิวหน้าเรากับรองพื้นเข้ากันไม่ได้ แต่งเท่าไหร่นางก็จะแยกชั้นกันทุกที #เพลียมาก #อยากร้องไห้ ใครกำลังเจอปัญหานี้อยู่ ลองมาดูวิธีแก้เวลาลงรองพื้นแล้วไม่ติดผิวกันค่ะ
 
1. ลงครีมบำรุงรอไว้เลย แล้วซับออกตอนเริ่มแต่งหน้า
แน่นอนว่าสาเหตุหลักๆ ของการลงรองพื้นไม่ติดผิวก็คือผิวไม่ดีนั่นแหละค่ะ ผิวหน้าของเราอาจจะกำลังมีปัญหา โดยเฉพาะคนที่ผิวขาดน้ำจะปวดหัวมาก เพราะหน้าก็ดูมันเยิ้มจนคิดว่าตัวเองเป็นคนผิวมัน แต่เปล่าจ้ะ…หน้ามันเพราะผิวแห้งขาดน้ำ จนผิวต้องผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป แถมดันกลายเป็นชั้นน้ำมันลอยๆ ทำให้ลงรองพื้นไม่ติด
 
วิธีแก้นอกจากควรหมั่นบำรุงให้ผิวกลับมาชุ่มชื้นแบบหายขาดแล้ว ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก็ควรใช้วิธีเช็ดโทนเนอร์ แล้วลงครีมบำรุง+กันแดดเอาไว้เลยตั้งแต่หลังล้างหน้าเสร็จค่ะ จากนั้นพอถึงตอนจะลงรองพื้น ก็ให้ใช้กระดาษทิชชูซับครีมบำรุงออกให้หน้าแห้งสนิท ครีมที่เราโบกทิ้งไว้จะช่วยเปิดผิวให้แต่งหน้าได้ง่ายและติดทนขึ้น แต่ที่ต้องเช็ดออกก่อนลงรองพื้น ก็เพื่อให้ลงรองพื้นติดบนผิวจริงที่สุด รองพื้นจะเกาะกับผิวได้ง่ายกว่าการลงทับครีมบำรุงและกันแดด ที่ทำให้เกิดอาการแยกชั้นหรือรองพื้นเยิ้มได้นะ
 
2. ผสมรองพื้นกับไพรเมอร์ช่วยได้
ในขั้นตอนการเตรียมผิว หลายคนมักจะใช้ไพรเมอร์ลงก่อนเป็นขั้นแรก เพื่อให้รองพื้นติดแน่นสนิทและติดทนขึ้น แต่วันนี้เราจะมิกซ์รวมเข้าด้วยกันไปเลยค่ะ เพื่อให้ไพรเมอร์ช่วยยึดเกาะรองพื้นได้ทั่วหน้า ให้รองพื้นไม่แตกตัวแยกชั้นออกมา โดยใช้อัตราส่วนประมาณ 3:1 คือใช้รองพื้น 3 ส่วน ไพรเมอร์แค่ 1 ส่วนก็พอ อย่าใช้ไพรเมอร์มากเกินไปจะทำให้รองพื้นได้ไม่เนียนนะคะ
 
3. ลงทีละน้อยไล่เลเยอร์ไป ห้ามโบกทีเดียวเยอะๆ
ในการลงรองพื้นสำคัญเลยคือต้องใจเย็นๆ นะคะซิส อย่ารีบจนโบกทีเดียวไปหนาๆ แล้วคิดว่าค่อยเกลี่ยเอาก็ได้ แบบนั้นจะทำให้รองพื้นไม่เนียน และไม่ค่อยติดผิวเท่าที่ควร เพราะเวลาที่เราลงหนาเกินไปก็จะเกลี่ยรองพื้นไม่ทัน หรือรองพื้นที่เกาะกันเป็นก้อน ด้านนอกโดนลมแห้งแล้ว แต่ด้านในยังไม่เกาะผิวเป็นเนื้อเหลวๆ อยู่เลย ไม่โอเคนะ! วิธีที่ควรคือลงรองพื้นบางๆ ไล่ไปทีละชั้น รอให้รอบแรกแห้งสนิท ถ้ายังไม่พอใจค่อยเติมแล้วรอให้แห้งไปเรื่อยๆ แบบนั้นจะทำให้รองพื้นเกาะผิวได้ดีกว่าเยอะเลยค่ะ
 
4. รอรองพื้นแห้งหมาดๆ แล้วกดฟองน้ำเซ็ตให้ติดผิว
หลังจากลงรองพื้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็รอให้รองพื้นเริ่มแห้งหมาดๆ แล้วใช้ฟองน้ำกดย้ำให้แน่น เพื่อให้รองพื้นเซ็ตกลืนไปกับผิว อย่าเพิ่งกดตั้งแต่ตอนลงรองพื้นใหม่ๆ ระหว่างที่รองพื้นยังเหลวๆ เพราะอาจจะทำให้รองพื้นติดออกมากับฟองน้ำ จนกลายเป็นปกปิดได้ไม่เนียน แถมยังเปลืองด้วยค่ะ รอให้แห้งหมาดๆ ซะก่อนแล้วค่อยกดฟองน้ำ จะเห็นเลยว่ารองพื้นเนียนและติดผิวง่ายขึ้น
 
5. เซ็ตแป้งบางๆ ด้วยพัฟ อย่าใช้แปรงปัดจนรองพื้นหลุด
อยู่ไทยแลนด์แดนพระอาทิตย์ จะไม่เซ็ตด้วยแป้งฝุ่นก็ต้องผิวดีประมาณนึงเลยนะ เพราะไม่งั้นเจอทั้งแดด ฝุ่น ควัน มีหวังหน้าดำหน้าหมอง แถมรองพื้นเยิ้มแน่ๆ ค่ะ ดังนั้นควรเซ็ตแป้งฝุ่นเบาๆ บางๆ ด้วยการใช้พัฟกด เป็นการดันรองพื้นให้แนบสนิทไปด้วย แป้งก็จะยิ่งเข้าไปแนบกับรองพื้น ทำให้เกาะผิวได้ง่ายกว่า ช่วยให้รองพื้นติดทนนานขึ้น พยายามอย่าใช้แปรงปัดมากเกินไป ไม่งั้นรองพื้นหลุดติดแปรงหมดจ้าแม่ ที่ลงมาตั้งหลายขั้นตอนอาจจะเฟลได้นะ
 
ที่มา : https://www.sanook.com/women/164949/
2 ก.พ. 2567

เผยผิวสวยกระจ่างใสกับขั้นตอนง่ายๆ ในการลงสกินแคร์อย่างถูกต้อง

การดูแลปรนนิบัติผิวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี นอกจากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของเราแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างที่เราต้องใส่ใจคือ การใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ต่างๆ อย่างถูกต้องตามลำดับขั้นตอนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้เด่นชัดยิ่งขึ้น แล้วขั้นตอนที่ว่านั้นมีอะไรบ้างตามมาดูกันเลยค่ะ
 
ขั้นตอนที่ 1  การล้างและทำความสะอาดผิวหน้า
1.ช่วงเช้าใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า (Cleanser) เพราะสิ่งสำคัญก่อนทำการบำรุงผิวหน้าคือการล้างและทำความสะอาดเพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อยู่บนใบหน้าออกไปเสียก่อน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผิวหน้าได้รับการทำความสะอาดอย่างล้ำลึกจริงๆ ด้วยการใช้โฟม หรือเจลล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิวของเรานั่นเอง
 
2.ช่วงเย็นใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอาง (Make up Remover) เนื่องจากมีการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางหลากหลายประเภทในระหว่างวัน ลำดับแรกเราควรเช็ดล้างทำความสะอาดเครื่องสำอางออกจากผิวหน้าเพื่อลดสิ่งสกปรกบนใบหน้าออกไปก่อน เสร็จแล้วใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า (Cleanser) ตามอีกครั้งนะคะเพื่อการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึกยิ่งขึ้น
 
ขั้นตอนที่ 2  การใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับปรับสภาพผิวหลังการล้างหน้าเช้า-เย็น (Toner)
โดยนำมาเช็ดทำความสะอาดให้ทั่วใบหน้าเพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างตามรูขุมขนอีกครั้ง และเป็นการช่วยปรับสภาพผิวหลังการล้างหน้าให้เปิดพร้อมรับการบำรุงจากครีมในลำดับต่อไป
 
ขั้นตอนที่ 3  การฟื้นฟูและผลัดเซลล์ผิว (Treatment)
โดยควรทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอตามความเหมาะสมของสภาพผิว อย่างเช่น การมาส์กหน้า หรือการบำรุงผิวเฉพาะจุด อย่างเช่น การทายาเพื่อรักษาสิวหรือเพื่อลด กระ จุดด่างดำบนใบหน้า แต่ต้องใช้ให้ถูกเวลาด้วยนะคะว่าเหมาะสำหรับกลางวันหรือกลางคืน
 
ขั้นตอนที่ 4  ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตา (Eye Cream)
เพราะผิวบริเวณรอบดวงตามีความบอบบางและแห้งง่ายกว่าจุดอื่นๆ จึงทำให้เกิดริ้วรอยและหมองคล้ำได้ง่าย ดังนั้นจึงต้องใช้ครีมที่มีความอ่อนโยนและเป็นครีมที่ใช้บำรุงเฉพาะจุดนวดคลึงเบาๆ เพื่อการบำรุงอย่างล้ำลึกยิ่งขึ้นนะคะ
 
ขั้นตอนที่ 5  ใช้ครีมบำรุงผิวเช้า-เย็น
ด้วยการทาครีมมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมสำหรับการดูแลตามช่วงเวลาอย่างเช่น Day Cream หรือ Night Creamให้ทั่วบริเวณใบหน้าและลำคอเป็นประจำ โดยการเริ่มจากครีมบำรุงผิวที่มีเนื้อครีมเบาบางก่อนเป็นลำดับแรกแล้วจึงค่อยตามด้วยครีมบำรุงที่มีเนื้อเข้มหรือหนาขึ้นตามลำดับนะคะ
 
ขั้นตอนที่ 6  ใช้ครีมกันแดด (Sunscreen)
เพื่อเป็นการปกป้องผิวหน้าเราจากรังสียูวีที่มีอยู่ในแสงแดดอันเป็นสาเหตุของความหมองคล้ำและการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ดังนั้นอย่าลืมทาครีมกันแดดเป็นประจำก่อนออกจากบ้านทุกครั้งด้วยนะคะ
 
เพื่อความสวยงามและสุขภาพที่ดีทั้งเรือนร่าง นอกจากการบำรุงผิวบนใบหน้าที่เราต้องใส่ใจอย่างดีแล้ว อย่าลืมว่า สุขภาพผิวกายก็ควรได้รับการปรนนิบัติและให้ความสำคัญอย่างดีที่สุดเช่นเดียวกันนะคะ
 
ที่มา : https://www.sanook.com/women/112813/
2 ก.พ. 2567

ติดต่อเรา

71/2-13 โครงการโอโซนพลาซ่า ห้อง H1C,H2C ถนนคู้บอน แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงทพฯ 10230

Our Phone

Facebook

Our Line

ส่งข้อความหาเรา

ลูกค้าสามารถพิมพ์ข้อความที่ต้องการสอบถามได้จากฟอร์มด้านล่าง เมื่อทีมงานได้รับข้อความแล้ว จะติดต่อกลับลูกค้าโดยเร็วที่สุด

ครีมทาหน้าขาว Vit-C

เว็บไซต์จัดทำขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างการให้บริการในธุรกิจรับผลิตแบรนด์เครื่องสำอางค์ สกินแคร์  ไม่มีการดำเนินการจริงแต่อย่างใด ข้อความ และรูปภาพต่างๆ นำมาจากใน internet และได้อ้างอิงถึงเนื้อหาไว้เรียบร้อยแล้ว และขอบคุณสำหรับรูปภาพ และเนื้อหาบทความต่างๆ

ครีมลดเลือนริ้วรอย

เว็บไซต์จัดทำขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างการให้บริการในธุรกิจรับผลิตแบรนด์เครื่องสำอางค์ สกินแคร์  ไม่มีการดำเนินการจริงแต่อย่างใด ข้อความ และรูปภาพต่างๆ นำมาจากใน internet และได้อ้างอิงถึงเนื้อหาไว้เรียบร้อยแล้ว และขอบคุณสำหรับรูปภาพ และเนื้อหาบทความต่างๆ

ครีมกันแดด SPF60

เว็บไซต์จัดทำขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างการให้บริการในธุรกิจรับผลิตแบรนด์เครื่องสำอางค์ สกินแคร์  ไม่มีการดำเนินการจริงแต่อย่างใด ข้อความ และรูปภาพต่างๆ นำมาจากใน internet และได้อ้างอิงถึงเนื้อหาไว้เรียบร้อยแล้ว และขอบคุณสำหรับรูปภาพ และเนื้อหาบทความต่างๆ

ครีมบำรุงผิวหน้า

เว็บไซต์จัดทำขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างการให้บริการในธุรกิจรับผลิตแบรนด์เครื่องสำอางค์ สกินแคร์  ไม่มีการดำเนินการจริงแต่อย่างใด ข้อความ และรูปภาพต่างๆ นำมาจากใน internet และได้อ้างอิงถึงเนื้อหาไว้เรียบร้อยแล้ว และขอบคุณสำหรับรูปภาพ และเนื้อหาบทความต่างๆ

ครีมบำรุงรอบดวงตา

เว็บไซต์จัดทำขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างการให้บริการในธุรกิจรับผลิตแบรนด์เครื่องสำอางค์ สกินแคร์  ไม่มีการดำเนินการจริงแต่อย่างใด ข้อความ และรูปภาพต่างๆ นำมาจากใน internet และได้อ้างอิงถึงเนื้อหาไว้เรียบร้อยแล้ว และขอบคุณสำหรับรูปภาพ และเนื้อหาบทความต่างๆ

ครีมรักษาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ

เว็บไซต์จัดทำขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างการให้บริการในธุรกิจรับผลิตแบรนด์เครื่องสำอางค์ สกินแคร์  ไม่มีการดำเนินการจริงแต่อย่างใด ข้อความ และรูปภาพต่างๆ นำมาจากใน internet และได้อ้างอิงถึงเนื้อหาไว้เรียบร้อยแล้ว และขอบคุณสำหรับรูปภาพ และเนื้อหาบทความต่างๆ

ลิปทินท์

เว็บไซต์จัดทำขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างการให้บริการในธุรกิจรับผลิตแบรนด์เครื่องสำอางค์ สกินแคร์  ไม่มีการดำเนินการจริงแต่อย่างใด ข้อความ และรูปภาพต่างๆ นำมาจากใน internet และได้อ้างอิงถึงเนื้อหาไว้เรียบร้อยแล้ว และขอบคุณสำหรับรูปภาพ และเนื้อหาบทความต่างๆ

ครีมทาบำรุงรอบปาก

เว็บไซต์จัดทำขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างการให้บริการในธุรกิจรับผลิตแบรนด์เครื่องสำอางค์ สกินแคร์  ไม่มีการดำเนินการจริงแต่อย่างใด ข้อความ และรูปภาพต่างๆ นำมาจากใน internet และได้อ้างอิงถึงเนื้อหาไว้เรียบร้อยแล้ว และขอบคุณสำหรับรูปภาพ และเนื้อหาบทความต่างๆ

มาร์คใต้ตาทองคำ

เว็บไซต์จัดทำขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างการให้บริการในธุรกิจรับผลิตแบรนด์เครื่องสำอางค์ สกินแคร์  ไม่มีการดำเนินการจริงแต่อย่างใด ข้อความ และรูปภาพต่างๆ นำมาจากใน internet และได้อ้างอิงถึงเนื้อหาไว้เรียบร้อยแล้ว และขอบคุณสำหรับรูปภาพ และเนื้อหาบทความต่างๆ

แป้งพัฟผสมรองพื้น

เว็บไซต์จัดทำขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างการให้บริการในธุรกิจรับผลิตแบรนด์เครื่องสำอางค์ สกินแคร์  ไม่มีการดำเนินการจริงแต่อย่างใด ข้อความ และรูปภาพต่างๆ นำมาจากใน internet และได้อ้างอิงถึงเนื้อหาไว้เรียบร้อยแล้ว และขอบคุณสำหรับรูปภาพ และเนื้อหาบทความต่างๆ

น้ำหอมสไตล์ฝรั่งเศษ

เว็บไซต์จัดทำขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างการให้บริการในธุรกิจรับผลิตแบรนด์เครื่องสำอางค์ สกินแคร์  ไม่มีการดำเนินการจริงแต่อย่างใด ข้อความ และรูปภาพต่างๆ นำมาจากใน internet และได้อ้างอิงถึงเนื้อหาไว้เรียบร้อยแล้ว และขอบคุณสำหรับรูปภาพ และเนื้อหาบทความต่างๆ

น้ำหอมสไตล์อาหรับ

เว็บไซต์จัดทำขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างการให้บริการในธุรกิจรับผลิตแบรนด์เครื่องสำอางค์ สกินแคร์  ไม่มีการดำเนินการจริงแต่อย่างใด ข้อความ และรูปภาพต่างๆ นำมาจากใน internet และได้อ้างอิงถึงเนื้อหาไว้เรียบร้อยแล้ว และขอบคุณสำหรับรูปภาพ และเนื้อหาบทความต่างๆ

สร้างแบรนด์ครีมของตัวเอง อย่างไรไม่เจ๊ง

ตอนนี้หันซ้าย แลขวา ใคร ๆ เขาก็มาทำแบรนด์ครีม เป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางกันทั้งนั้น หน้าเด้งหน้าใสเต็มหน้าฟีด หน้า Time line ไปหมดเลย (แต่ขายได้หรือเปล่าไม่รู้นะ ?)
 
พี่ฝนอยู่ในตลาดนี้มาร่วม ๆ 10 ปี ทำมาตั้งแต่ขายสินค้าด้วยเงินทุนเพียงหลักพันเป็นตัวแทนเขา จนสามารถปั้นแบรนด์เป็นของตัวเอง สินค้าทำมาก็บอกตามตรงว่าขายไม่ได้ดั่งที่ตั้งเป้าหมายเท่าไหร่นัก เจ็บตัวบ้าง กำไรบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติในการทำธุรกิจ
 
ยิ่งตอนนี้นะคะ ใคร ๆ ก็เป็นเจ้าของแบรนด์ครีมได้ ต้องบอกว่าง่าย และง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะคะ เป็นเจ้าของหนะง่ายนะคะ แต่ให้ขายได้ ขายดิบขายดี ต้องบอกว่า หิน เลยจ้า
วันนี้เลยอยากจะขอมาร่วมแบ่งปันกับคนที่ต้องการเป็น “เถ้าแก่ใหม่” หรือ “เถ้าแก่เนี๊ยะ” ในสายความงาม ว่าหากจะเข้าตลาดนี้ต้องเตรียมตัวอะไรกันบ้าง มาดูกันเลยดีกว่า

1.ศึกษาตลาด ลองเป็นตัวแทนคนอื่นก่อนดีไหม
ถ้ายังไม่เคยใช้ก็อย่าเพิ่งขาย ถ้ายังไม่เคยลองขาย ก็อย่างเพิ่งคิดสร้างแบรนด์ แนะนำว่าจริง ๆ แล้วเราควรที่จะเรียนรู้พฤติกรรมหรือรูปแบบตลาดของธุรกิจนี้ให้คุ้นชินสักระยะนะ อาจจะลองเริ่มจากการลองใช้สินค้าสักแบรนด์ และขอเป็นตัวแทนสินค้าในกลุ่มที่ไม่ได้เป็นกระแสอะไรมากมาย ไม่เป็นที่รู้จักมากนักดูก่อน อาจจะใช้เวลาสักครึ่งปีหรือหนึ่งปี หากเราเป็นตัวแทนแล้วสามารถช่วยดันครีมตัวนี้เป็นที่รู้จักขึ้นได้ มันก็เหมือนกับว่าเราได้ลองทำการตลาดด้วยต้นทุนที่เราไม่ต้องลงทุนมากจนเกินไปไงคะ ทำได้เราก็มีฐานลูกค้าระดับหนึ่ง ถึงตอนนั้นค่อยคิดกันอีกทีว่าควรจะทำแบรนด์ครีมของตัวเองดีหรือเปล่านะ หากทำก็อย่างน้อยเรามีฐานลูกค้าไง

2.รู้หรือยังว่าลูกค้าเราเป็นใคร
คำถามนี้ง่ายมาก ถามเด็กอนุบาลก็ตอบได้คะ จะทำแบรนด์ครีมลูกค้าก็ต้องเป็นผู้หญิงสิ !!! ใช่คะคำถามนี้ง่ายแต่ถ้าตอบแบบเด็กอนุบาลง่าย ๆ ก็มีโอกาสเสี่ยงสูงที่เริ่มต้นด้วยคำว่า “เจ๊ง” เป็นแน่แท้คะ ไม่ง่ายนะคะ !!! กับคำว่าลูกค้าเป็นใครเนี้ย คิดน้อยไปก็ไม่ดีนะคะ ต้องบอกว่าคำว่าแค่ “ผู้หญิง” มันไม่พอคะ ต้องทำให้เห็นชัดกว่านั้น ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร อายุเท่าไหร่ การศึกษาเป็นอย่างไร รายได้เท่าไหร่ ทำมาหากินอะไร บ้านช่องห้องหออยู่ที่ไหน ภาระการเงินเป็นอย่างไร เธอชอบการแต่งตัวแบบไหน หรือเป็นแฟนคลับศิลปินคนไหน เธอใช้เวลาว่างทำอะไร ไปไหน ไปกับใคร แล้วเวลาที่เธอจะซื้อครีมนี่เธอมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะเลย ฯลฯ เยอะไหมหละ ยากไหมหละ นั่นแหละ มันถึงไม่ค่อยมีใครทำกันอย่างจริงจังไง ก็ทำกันเพียงแค่ว่า ลูกค้าฉันมีปัญหาสิว มีปัญหาฝ้า ต้องการหน้าใส บลาๆ เป็นการเข้าข้างตัวเองเสียส่วนใหญ่ว่ารู้จักลูกค้าจริงๆ พอสินค้าออกมาขายกลับกลายเป็นว่าสิ่งที่เราคิดว่า “ลูกค้าเราเป็นใคร” นั้นมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดไว้ไงคะ และมันก็ขายไม่ได้ จบกันไปตามระเบียบนะคะ
 
3.รู้แล้วใช่ไหมว่าสินค้าเรามีความแปลกและแตกต่างอย่างไร
ลูกค้าไม่ชัวร์ ขอมาดูสินค้าก่อนดีกว่า เดี๋ยวได้ครีมออกมาลูกค้าก็วิ่งมาหาเองแหละ !! คิดอย่างนี้จริงๆ หรือคะ แบรนด์ครีม ตัวเนื้อครีมมันเหมือนกับหุ่นนะคะ ส่วนแพคเก็จ กล่องมันก็เหมือนเสื้อผ้าที่นำมาใส่คู่กะหุ่น เสื้อผ้าเปลี่ยนแต่หุ่นตัวเดิมนะคะ
ความแตกต่างในตลาดมีน้อยมาก ส่วนผสม เนื้อครีม สีครีม รวมทั้งคุณสมบัติต่างๆ ยิ่งแล้วใหญ่นะคะก็เหมือน ๆ กันหมด มันเป็นความยากอีกขั้นหากจะสร้างความแตกต่างทางด้านสินค้า เพราะแค่แพ็คเก็จ กล่องมันคงไม่พอ หากเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับตรงนี้ การที่จะเอาชนะตลาดก็ยิ่งจาก จะทำให้คนหันมามองก็ยิ่งยากเข้าไปกันใหญ่นะคะ อาจจะต้องลองเริ่มจากหางานวิจัยอะไรใหม่ๆ หรือนวัตกรรมการผลิตที่สามารถดึงสารสกัดเข้าสู่ผิวได้เร็ว ได้ไว ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะสร้างความต่าง ส่วนผสม สารสกัดจากต่างประเทศที่ยังไม่เคยมีใครทำ ก็เป็นอีกอย่างที่ควรเสาะแสวงหา อย่าเพิ่งเชื่อใจ ไว้ใจโรงงานเพียงโรงงานเดียวที่จะทำแบรนด์ครีมให้เรา อาจจะใช้เวลา 2-3 เดือนในการศึกษาเพื่อให้ได้สินค้าที่มีความแตกต่างนะคะ
 
4.เตรียมแล้วใช่ไหม เตรียมเงินทำการตลาดแล้วใช่ไหม
เรื่องนี้สำคัญมาก สำคัญที่สุด สำคัญจริงๆ คะ เพราะส่วนใหญ่แล้วมือใหม่ทำแบรนด์ครีมที่ไม่สามารถไปต่อได้ก็เพราะว่าเมื่อได้ตัวผลิตภัณฑ์มาแล้วก็ “หมดเงิน” หนูมีทุนน้อย ทำได้แค่ตัวสินค้า แต่มีปัญหาไม่มีงบที่จะทำการตลาดเพื่อให้คนรู้จัก ได้เห็น ได้ลองใช้ ให้เขาได้มีโอกาสติดใจ และซื้อใช้สินค้าเรา 90 กว่าเปอร์เซ็นต์เป็นอย่างนี้จริงๆ คะ มีเงินซื้อมอเตอร์ไซต์ แต่ไม่มีเงินเติมน้ำมันรถ ครั้นจะเข็นไปก็เข็นไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องจอดมอเตอร์ไซส์ทิ้งไว้ แล้วก็บอกว่าไอ้รถคันนี้มันไม่ดีใช้งานไม่ได้ ไม่น่าซื้อมาเลย ต้องเตรียมนะคะ เรียกง่ายว่าเตรียมเงินหมุนไว้ก็ได้คะ ถามว่าเท่าไหร่ดี ตอบยากนะแล้วแต่ขนาดธุรกิจ และเป้าหมายที่เราจะไปด้วย หากเราลงทุนตัวสินค้าสัก 5 หมื่น ก็ควรจะมีเงินเรื่องการตลาดสักแสนถึงแสนห้าคะ ถึงจะพอมีหวังนะ แต่จะขายได้มากน้อยนี่ยังตอบไม่ได้เพราะทุกวันนี้มันแข่งกันหนักมาก ใครมีความรู้มีเทคนิคการทำการตลาดที่ดีกว่าก็มีโอกาสไปถึงเส้นชัย ส่วนคนที่ทุนน้อยด้วย ทำการตลาดไม่เป็นอีก ต้องบอกว่าเตรียมโบกมือลาได้เลยคะ ไม่รอดแน่นอน

5.ใจทำหรือยัง ว่าถ้าธุรกิจพังขึ้นมาไม่คิดฆ่าตัวตาย
มีเงินสักสองแสน ทำแบรนด์ครีมพอทำได้ทั้งเรื่องสินค้าและการตลาดนะคะ แต่ก็ยังต้องถามต่ออีกว่าหากเงินสองแสนนี้มันละลายหายไปกับสินค้าที่มากองอยู่เต็มบ้านเราจะรับมันได้ไหม เป็นเงินก้อนสุดท้ายในชีวิตหรือเปล่า เป็นเงินที่ไปกู้ไปยืมเขามาหรือเปล่า เป็นเงินที่ร่วมหุ้นร่วมทุนกันหรือเปล่า ขายไม่ได้แล้วจะทะเลาะเบาะแว้งกันไหม หรือ เงินนี้ปลิวไปแล้วถึงขั้นต้องคิดฆ่าตัวตายหรือเปล่า ถ้าบอกว่า รับได้สบายมาก พร้อมที่จะลุยเต็มที่ แม้ทำเต็มที่แล้วยังไม่ได้ เงินส่วนนี้ที่ลงทุนไปก็ไม่ได้เสียดาย ถือว่าเป็นประสบการณ์ ไม่ตายก็หาใหม่ได้ อย่างนี้สนับสนุนให้เดินต่อคะ หากบอกว่า ไม่ได้คะ เงินก้อนนี้หายไปต้องแย่แน่ๆ ก็คงต้องบอกว่า “วางมือ” ให้ “เปลี่ยนความคิด” ที่จะทำธุรกิจแบรนด์ครีมไว้ก่อนได้เลยคะ อย่าเอาเงินนั้นมาเสี่ยงกับธุรกิจนี้เลย เก็บเงินไปลงทุนอย่างอื่นดีกว่านะคะ แต่ตอนนี้เขาลำบาก เขาสู้ เราไม่เห็นไง เราพร้อมที่จะสู้อย่างนั้นไหมหละ บางคนทำมาเป็น 10 ปี 20 ปี กว่าจะมีวันนี้วันที่เรามองเห็นเขาสบาย แต่เรากลับตุ๊ต๊ะไปว่า “มันง่าย” เราเองก็ทำได้ อย่าชะล่าใจไปนะคะ คนคิดแบบนี้ “เจ๊ง” มาเยอะหละคะ
 
ขอให้คนที่สนใจธุรกิจนี้ ศึกษาข้อมูล ข้อเท็จจริงให้ดีก่อนที่จะลงทุนนะคะ หากสนใจจริงๆ ก็ลองทักมาพูดมาคุยกันก่อนได้คะ ยินดีที่จะพูดคุยตอบข้อซักถามจ้า
 
อ้างอิงเนื้อหา และรูปภาพจาก
https://taokaemai.com/

5 วิธีแก้ลงรองพื้นไม่ติดผิว!

สาวๆ คนไหนแต่งหน้าแล้วรู้สึกว่ารองพื้นไม่ค่อยติดผิว แต่งเสร็จแป๊บเดียว โอ๊ยรองพื้นลอยอยู่ในอวกาศมากแม่! เหมือนผิวหน้าเรากับรองพื้นเข้ากันไม่ได้ แต่งเท่าไหร่นางก็จะแยกชั้นกันทุกที #เพลียมาก #อยากร้องไห้ ใครกำลังเจอปัญหานี้อยู่ ลองมาดูวิธีแก้เวลาลงรองพื้นแล้วไม่ติดผิวกันค่ะ
 
1. ลงครีมบำรุงรอไว้เลย แล้วซับออกตอนเริ่มแต่งหน้า
แน่นอนว่าสาเหตุหลักๆ ของการลงรองพื้นไม่ติดผิวก็คือผิวไม่ดีนั่นแหละค่ะ ผิวหน้าของเราอาจจะกำลังมีปัญหา โดยเฉพาะคนที่ผิวขาดน้ำจะปวดหัวมาก เพราะหน้าก็ดูมันเยิ้มจนคิดว่าตัวเองเป็นคนผิวมัน แต่เปล่าจ้ะ…หน้ามันเพราะผิวแห้งขาดน้ำ จนผิวต้องผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป แถมดันกลายเป็นชั้นน้ำมันลอยๆ ทำให้ลงรองพื้นไม่ติด
 
วิธีแก้นอกจากควรหมั่นบำรุงให้ผิวกลับมาชุ่มชื้นแบบหายขาดแล้ว ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก็ควรใช้วิธีเช็ดโทนเนอร์ แล้วลงครีมบำรุง+กันแดดเอาไว้เลยตั้งแต่หลังล้างหน้าเสร็จค่ะ จากนั้นพอถึงตอนจะลงรองพื้น ก็ให้ใช้กระดาษทิชชูซับครีมบำรุงออกให้หน้าแห้งสนิท ครีมที่เราโบกทิ้งไว้จะช่วยเปิดผิวให้แต่งหน้าได้ง่ายและติดทนขึ้น แต่ที่ต้องเช็ดออกก่อนลงรองพื้น ก็เพื่อให้ลงรองพื้นติดบนผิวจริงที่สุด รองพื้นจะเกาะกับผิวได้ง่ายกว่าการลงทับครีมบำรุงและกันแดด ที่ทำให้เกิดอาการแยกชั้นหรือรองพื้นเยิ้มได้นะ
 
2. ผสมรองพื้นกับไพรเมอร์ช่วยได้
ในขั้นตอนการเตรียมผิว หลายคนมักจะใช้ไพรเมอร์ลงก่อนเป็นขั้นแรก เพื่อให้รองพื้นติดแน่นสนิทและติดทนขึ้น แต่วันนี้เราจะมิกซ์รวมเข้าด้วยกันไปเลยค่ะ เพื่อให้ไพรเมอร์ช่วยยึดเกาะรองพื้นได้ทั่วหน้า ให้รองพื้นไม่แตกตัวแยกชั้นออกมา โดยใช้อัตราส่วนประมาณ 3:1 คือใช้รองพื้น 3 ส่วน ไพรเมอร์แค่ 1 ส่วนก็พอ อย่าใช้ไพรเมอร์มากเกินไปจะทำให้รองพื้นได้ไม่เนียนนะคะ
 
3. ลงทีละน้อยไล่เลเยอร์ไป ห้ามโบกทีเดียวเยอะๆ
ในการลงรองพื้นสำคัญเลยคือต้องใจเย็นๆ นะคะซิส อย่ารีบจนโบกทีเดียวไปหนาๆ แล้วคิดว่าค่อยเกลี่ยเอาก็ได้ แบบนั้นจะทำให้รองพื้นไม่เนียน และไม่ค่อยติดผิวเท่าที่ควร เพราะเวลาที่เราลงหนาเกินไปก็จะเกลี่ยรองพื้นไม่ทัน หรือรองพื้นที่เกาะกันเป็นก้อน ด้านนอกโดนลมแห้งแล้ว แต่ด้านในยังไม่เกาะผิวเป็นเนื้อเหลวๆ อยู่เลย ไม่โอเคนะ! วิธีที่ควรคือลงรองพื้นบางๆ ไล่ไปทีละชั้น รอให้รอบแรกแห้งสนิท ถ้ายังไม่พอใจค่อยเติมแล้วรอให้แห้งไปเรื่อยๆ แบบนั้นจะทำให้รองพื้นเกาะผิวได้ดีกว่าเยอะเลยค่ะ
 
4. รอรองพื้นแห้งหมาดๆ แล้วกดฟองน้ำเซ็ตให้ติดผิว
หลังจากลงรองพื้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็รอให้รองพื้นเริ่มแห้งหมาดๆ แล้วใช้ฟองน้ำกดย้ำให้แน่น เพื่อให้รองพื้นเซ็ตกลืนไปกับผิว อย่าเพิ่งกดตั้งแต่ตอนลงรองพื้นใหม่ๆ ระหว่างที่รองพื้นยังเหลวๆ เพราะอาจจะทำให้รองพื้นติดออกมากับฟองน้ำ จนกลายเป็นปกปิดได้ไม่เนียน แถมยังเปลืองด้วยค่ะ รอให้แห้งหมาดๆ ซะก่อนแล้วค่อยกดฟองน้ำ จะเห็นเลยว่ารองพื้นเนียนและติดผิวง่ายขึ้น
 
5. เซ็ตแป้งบางๆ ด้วยพัฟ อย่าใช้แปรงปัดจนรองพื้นหลุด
อยู่ไทยแลนด์แดนพระอาทิตย์ จะไม่เซ็ตด้วยแป้งฝุ่นก็ต้องผิวดีประมาณนึงเลยนะ เพราะไม่งั้นเจอทั้งแดด ฝุ่น ควัน มีหวังหน้าดำหน้าหมอง แถมรองพื้นเยิ้มแน่ๆ ค่ะ ดังนั้นควรเซ็ตแป้งฝุ่นเบาๆ บางๆ ด้วยการใช้พัฟกด เป็นการดันรองพื้นให้แนบสนิทไปด้วย แป้งก็จะยิ่งเข้าไปแนบกับรองพื้น ทำให้เกาะผิวได้ง่ายกว่า ช่วยให้รองพื้นติดทนนานขึ้น พยายามอย่าใช้แปรงปัดมากเกินไป ไม่งั้นรองพื้นหลุดติดแปรงหมดจ้าแม่ ที่ลงมาตั้งหลายขั้นตอนอาจจะเฟลได้นะ
 
ที่มา : https://www.sanook.com/women/164949/

เผยผิวสวยกระจ่างใสกับขั้นตอนง่ายๆ ในการลงสกินแคร์อย่างถูกต้อง

การดูแลปรนนิบัติผิวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี นอกจากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของเราแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างที่เราต้องใส่ใจคือ การใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ต่างๆ อย่างถูกต้องตามลำดับขั้นตอนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้เด่นชัดยิ่งขึ้น แล้วขั้นตอนที่ว่านั้นมีอะไรบ้างตามมาดูกันเลยค่ะ
 
ขั้นตอนที่ 1  การล้างและทำความสะอาดผิวหน้า
1.ช่วงเช้าใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า (Cleanser) เพราะสิ่งสำคัญก่อนทำการบำรุงผิวหน้าคือการล้างและทำความสะอาดเพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อยู่บนใบหน้าออกไปเสียก่อน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผิวหน้าได้รับการทำความสะอาดอย่างล้ำลึกจริงๆ ด้วยการใช้โฟม หรือเจลล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิวของเรานั่นเอง
 
2.ช่วงเย็นใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอาง (Make up Remover) เนื่องจากมีการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางหลากหลายประเภทในระหว่างวัน ลำดับแรกเราควรเช็ดล้างทำความสะอาดเครื่องสำอางออกจากผิวหน้าเพื่อลดสิ่งสกปรกบนใบหน้าออกไปก่อน เสร็จแล้วใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า (Cleanser) ตามอีกครั้งนะคะเพื่อการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึกยิ่งขึ้น
 
ขั้นตอนที่ 2  การใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับปรับสภาพผิวหลังการล้างหน้าเช้า-เย็น (Toner)
โดยนำมาเช็ดทำความสะอาดให้ทั่วใบหน้าเพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างตามรูขุมขนอีกครั้ง และเป็นการช่วยปรับสภาพผิวหลังการล้างหน้าให้เปิดพร้อมรับการบำรุงจากครีมในลำดับต่อไป
 
ขั้นตอนที่ 3  การฟื้นฟูและผลัดเซลล์ผิว (Treatment)
โดยควรทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอตามความเหมาะสมของสภาพผิว อย่างเช่น การมาส์กหน้า หรือการบำรุงผิวเฉพาะจุด อย่างเช่น การทายาเพื่อรักษาสิวหรือเพื่อลด กระ จุดด่างดำบนใบหน้า แต่ต้องใช้ให้ถูกเวลาด้วยนะคะว่าเหมาะสำหรับกลางวันหรือกลางคืน
 
ขั้นตอนที่ 4  ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตา (Eye Cream)
เพราะผิวบริเวณรอบดวงตามีความบอบบางและแห้งง่ายกว่าจุดอื่นๆ จึงทำให้เกิดริ้วรอยและหมองคล้ำได้ง่าย ดังนั้นจึงต้องใช้ครีมที่มีความอ่อนโยนและเป็นครีมที่ใช้บำรุงเฉพาะจุดนวดคลึงเบาๆ เพื่อการบำรุงอย่างล้ำลึกยิ่งขึ้นนะคะ
 
ขั้นตอนที่ 5  ใช้ครีมบำรุงผิวเช้า-เย็น
ด้วยการทาครีมมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมสำหรับการดูแลตามช่วงเวลาอย่างเช่น Day Cream หรือ Night Creamให้ทั่วบริเวณใบหน้าและลำคอเป็นประจำ โดยการเริ่มจากครีมบำรุงผิวที่มีเนื้อครีมเบาบางก่อนเป็นลำดับแรกแล้วจึงค่อยตามด้วยครีมบำรุงที่มีเนื้อเข้มหรือหนาขึ้นตามลำดับนะคะ
 
ขั้นตอนที่ 6  ใช้ครีมกันแดด (Sunscreen)
เพื่อเป็นการปกป้องผิวหน้าเราจากรังสียูวีที่มีอยู่ในแสงแดดอันเป็นสาเหตุของความหมองคล้ำและการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ดังนั้นอย่าลืมทาครีมกันแดดเป็นประจำก่อนออกจากบ้านทุกครั้งด้วยนะคะ
 
เพื่อความสวยงามและสุขภาพที่ดีทั้งเรือนร่าง นอกจากการบำรุงผิวบนใบหน้าที่เราต้องใส่ใจอย่างดีแล้ว อย่าลืมว่า สุขภาพผิวกายก็ควรได้รับการปรนนิบัติและให้ความสำคัญอย่างดีที่สุดเช่นเดียวกันนะคะ
 
ที่มา : https://www.sanook.com/women/112813/